กลุ่มสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย และตัวแทนผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทั่วประเทศ จำนวน 18 คน นำโดย นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรีในฐานะนายกสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย เข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เรื่อง ขอให้รัฐบาลและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี และจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2565 ณ ศูนย์รับเรื่องราวทุกข์ของรัฐบาล 1111 สำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี กรุงเทพมหานคร เนื่องจากปัญหาการถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ตามแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำหนดให้สถานีอนามัย และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล กำหนดให้มีการถ่ายโอนมายังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตั้งแต่ พ.ศ. 2551 นับถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 14 ปี จนกระทั่งคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 ให้ถ่ายโอนภารกิจดังกล่าวให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด หลักการ "ภารกิจไป ตำแหน่งไป งบประมาณไป บุคลากรสมัครใจ" โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2566 เป็นต้นไป ในปี 2566 มีองค์การบริหารส่วนจังหวัด ประสงค์รับการถ่ายโอน 49 แห่ง มีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ขอถ่ายโอน 3,384 แห่ง (จาก 9,878 แห่งทั่วประเทศ) มีบุคลากรสมัครใจโอนไปสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด 22,265 คน แต่ปรากฏว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2565 สำนักงบประมาณไม่ดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจฯ ดังกล่าว กลับใช้ดุลยพินิจเสนอกรอบการจัดทำงบประมาณ ปี 2566 ต่อคณะรัฐมนตรี กำหนดให้มีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่ผ่านการพิจารณาเพียง 512 แห่ง จาก 3,384 แห่งที่ขอถ่ายโอน และกำหนดกรอบให้มีบุคลากรที่เป็นข้าราชการถ่ายโอนได้เพียง 2,515 คน จาก 22,265 คน ซึ่งไม่เป็นไปตามประกาศกระจายอำนาจฯ ที่มีสภาพบังคับตามความในมาตรา 33แห่งพระราชบัญญัติ กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ ให้ทุกหน่วยงานต้องปฏิบัติตาม และเกิดปัญหากระทบต่อการถ่ายโอนภารกิจโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ จึงมีข้อเรียกร้องดังนี้

                   1. เรื่องการถ่ายโอนภารกิจ กฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่เฉพาะของคณะกรรมการการกระจายอำนาจฯ เช่น อำนาจที่จะพิจารณาว่าควรถ่ายโอนภารกิจหรือไม่ เพียงใด โอนไปยังหน่วยงานใด แต่กลับมีหน่วยงานอื่นเช่น สำนักงบประมาณ เข้ามาใช้ดุลยพินิจแทน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ จึงขอเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามกฎหมาย คือ ปฏิบัติมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ ที่กําหนดให้ทุกหน่วยงานต้องปฏิบัติตามแผนการถ่ายโอนที่คณะกรรมการการกระจายอำนาจฯ ประกาศ และมาตรา 29 วรรคสอง ของพระราชบัญญัติ ที่กำหนดให้การจัดสรรงบประมาณต้องสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

              2. ขอให้คณะรัฐมนตรีทบทวนมติเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณที่เกิดจากการใช้ดุลยพินิจ กำหนดกรอบวงเงินและหลักเกณฑ์ในการถ่ายโอนของหน่วยงานที่ไม่มีอำนาจหน้าที่ดังกล่าว โดยขอให้คณะรัฐมนตรีจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามแนวทางประกาศคณะกรรมการกระจายอำนาจฯ ที่ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 ซึ่งจะต้องดำเนินการ ดังนี้

                             - ต้องดำเนินการให้มีการถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่ได้แสดงความจำนง
สมัครใจถ่ายโอน จำนวน 3,384 แห่ง และบุคลากรจำนวน 22,265 คน สู่องค์การบริหารส่วนจังหวัด

                             - ต้องจัดสรรงบประมาณหมวดเงินอุดหนุนการพัฒนาคุณภาพการ ให้บริการด้านสาธารณสุขของสถานีอนามัยถ่ายโอน (เงินบำรุงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล) ตามแนวทางประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจฯ โดยจะต้องใช้เงินก้อนใหม่เข้ามาจัดสรรให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัด ไม่ใช่วิธีการโยกงบประมาณจากหมวดเงินอุดหนุน การดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดที่เคยได้รับมาแล้วทุกปีมาตั้งแทน